ซัมซุงได้ให้คำมั่นที่จะบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์สำหรับทั้งบริษัทภายในปี 2050 และจะใช้เงินจำนวน 7 ล้านล้านวอน (5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในอีกเจ็ดปีครึ่งเพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น แม้ว่าแผนของบริษัทจะไม่เน้นเชิงรุกเท่าของ Microsoft ซึ่งก่อนหน้านี้เคยสัญญาว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนภายในสิ้นทศวรรษ แต่ก็ตั้งใจที่จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงในไม่ช้านี้ เพื่อให้แผนก Device eXperience (DX) ของบริษัทผลิตคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050

แผนก DX ของ Samsung ครอบคลุมธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงการดำเนินการผลิตอุปกรณ์เคลื่อนที่และจอแสดงผล และรับผิดชอบเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2021 ในขณะเดียวกัน ธุรกิจชิปและส่วนประกอบของบริษัทซึ่งมักเป็นผู้ทำเงินรายใหญ่ที่สุดก็รับผิดชอบ สำหรับร้อยละ 90 ของก๊าซเรือนกระจก 17.4 ล้านตันที่ปล่อยออกมาเมื่อปีที่แล้ว

เห็นได้ชัดว่ามีงานมากมายที่ต้องทำเพื่อให้ธุรกิจผลิตชิปเป็นศูนย์สุทธิ สิ่งหนึ่งที่บริษัทวางแผนจะทำคือพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถลดผลพลอยได้ของก๊าซจากการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ได้อย่างมาก ซัมซุงยังวางแผนที่จะติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในการบำบัดที่โรงงานผลิตชิป นอกจากนี้ บริษัทจะพัฒนาเทคโนโลยีการดักจับและการใช้คาร์บอนที่สามารถควบคุมการปล่อยคาร์บอนจากโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ จัดเก็บและเปลี่ยนเป็นแหล่งที่ใช้งานได้

ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีได้เข้าร่วม RE100 ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้วยเช่นกัน โดยจะเริ่มต้นด้วยการดำเนินแผนก DX และการดำเนินงานทั้งหมดนอกประเทศแม่เกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนภายในห้าปีข้างหน้า ก่อนที่จะเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการพลังงานทั้งหมดทั่วโลกด้วยพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2050 นอกจากนี้ Samsung ยังได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ใน ประกาศ ซึ่งรวมถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการใช้น้ำซ้ำ และขยายความคิดริเริ่มในการเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปยัง 180 ประเทศจาก 50 ประเทศ ซึ่งในนั้นก็มีประเทศไทยด้วย

โฆษกของผู้ถือหุ้นรายหนึ่งบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า Samsung ได้ชะลอการให้คำมั่นสัญญาที่ชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างมาก จนกลายเป็นความกังวลที่เพิ่มขึ้นในหมู่นักลงทุนระยะยาว Kim Soo-jin หัวหน้ากลุ่มกลยุทธ์ ESG ของ Samsung อธิบายว่า "เราเป็นบริษัทที่ผลิตเองโดยตรง จึงมีความท้าทายหลายชั้น และท้ายที่สุด เราเป็นบริษัทเทคโนโลยี ดังนั้นเราจะมีส่วนร่วมในเชิงบวก ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการพัฒนาเทคโนโลยี เนื่องจากเราเป็นบริษัทขนาดใหญ่และมีการใช้ผลิตภัณฑ์ของเราอย่างแพร่หลาย"